สิ่งที่ทำให้สุขภาพของผู้สูงอายุแข็งแรงกว่าเดิม คือการ ฉีดวัคซีน เนื่องจากผู้สูงอายุมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนในวัยหนุ่มสาว จึงทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนและติดเชื้อโรคได้ง่ายกว่าคนในวัยอื่นๆ
ดังนั้น วัคซีนจึงเปรียบเสมือนผู้ปกป้องสุขภาพและร่างกายของผู้สูงอายุให้แข็งแรงกว่าเดิม เพื่อให้ท่านมีอายุยืนนาน สามารถทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวและลูกหลานได้อย่างมีความสุข เราจึงควรหมั่นพาท่านไปตรวจสุขภาพ และ ฉีดวัคซีน เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงยิ่งขึ้น สุขภาพดีกว่าเดิม
ผู้สูงอายุควร ฉีดวัคซีน 4 ชนิดนี้ ได้แก่
1. วัคซีนป้องกันบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน
2. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
3. วัคซีนป้องกันการติดเชื้อนิวโมคอคคัส
4. วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด
เริ่มต้นที่ ฉีดวัคซีน ชนิดแรก “วัคซีนป้องกันบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน”
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน เราจะพบโรคดังกล่าวได้ไม่บ่อยมากนัก แต่หากผู้สูงอายุไม่ได้รับวัคซีนกระตุ้น จะทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
ซึ่งโดยปกตินั้น ผู้สูงอายุควรฉีดวัคซีนกระตุ้นทุกๆ 10 ปี จะช่วยให้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน ได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนชนิดนี้มากถึง 2 เท่า!
มาต่อกันที่วัคซีน ชนิดที่ 2 “วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่”
โรคไข้หวัดใหญ่ มีการแพร่ระบาดในทุกๆปี ผู้สูงอายุจึงควรได้รับวัคซีนชนิดนี้ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ แบ่งออกเป็นชนิด 3 สายพันธุ์ และ 4 สายพันธุ์
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขนั้น ได้กำหนดให้ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เข้ารับการฉีดวัคซีนชนิด 3 สายพันธุ์ฟรี! รวมถึงผู้ที่เป็นโรคที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ โรคหัวใจ โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็งที่ต้องให้ยาบำบัด และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง จะได้รับการฉีดวัคซีนฟรีทุกๆ 1 ปี เช่นกัน
ฉีดวัคซีน ชนิดที่ 3 “วัคซีนป้องกันการติดเชื้อนิวโมคอคคัส”
เชื้อนิวโมคอคคัส ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อของปอดอักเสบและอาการรุนแรงอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การติดเชื้อในกระแสเลือด และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งรุนแรงถึงชีวิต!
การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อนิวโมคอคคัส จึงมีความสำคัญสำหรับผู้สูงอายุอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ โดยวัคซีนชนิดนี้ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
วัคซีนชนิด 13 สายพันธุ์ ( PCV-13 ) และ วัคซีนชนิด 23 สายพันธุ์ ( PPSV- 23 ) โดยควรฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิดต่อเนื่องกัน เว้นระยะห่างกัน 1 ปี และไม่จำเป็นต้อง ฉีดวัคซีน ซ้ำอีก
วัคซีนชนิดสุดท้าย “วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด”
สำหรับวัคซีนชนิดที่ 4 เชื่อว่าหลายคนรู้จักกันดี คือวัคซีนโรคงูสวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า “ไวรัสวาริเซลลา” (varicella virus) ซึ่งเป็นเชื้อชนิดเดียวกันกับโรคอีสุกอีใส ผู้สูงอายุมักมีภูมิคุ้มกันต่ำลงกว่าปกติ จะเกิดโรคงูสวัดได้ง่ายกว่าเดิม ทำให้เกิดผื่นถุงน้ำปวดแสบปวดร้อนขึ้นเป็นแถบ อาการอ่อนเพลีย ไข้ขึ้นสูง รวมถึงอาการแทรกซ้อนอื่นๆ อย่างสมองและปอดอักเสบ ร้ายแรงจนถึงเสียชีวิตได้
โดยวัคซีนชนิดนี้ เหมาะกับการฉีดกระตุ้นให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะฉีดเข้าผิวหนังเพียง 1 เข็มเท่านั้น ก็จะถือว่าได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคอย่างเพียงพอแล้ว
หากใครอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุ สามารถสอบถามจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เลย ฉีดป้องกันไว้ก่อน ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ
อ้างอิงจาก
- คำแนะนำการให้วัคซีนป้องกันโรคสำหรับผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ (Recommended Adult and Elderly Immunization Schedule) สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. 2561
- ตำราโกงอายุ คลินิกผู้สูงวัยสุขภาพดี